เวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.พ. มีรายงานว่า เกิดเหตุเพลิง บาคาร่าเว็บตรง บ้านเรือนประชาชนในชุมชนวัดมะกอก ถนนราชวิถี เขตพญาไท บวิเวณด้านหลัง รพ.พระมงกุฎเกล้า เจ้าหน้าที่นำกำลังไปที่เกิดเหตุ พบเพลิงไหม้บ้านที่ภายในชุมชนวัดมะกอก ลักษณะเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง เจ้าหน้าที่เร่งเข้าสกัดเพลิง ซึ่งเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากเป็นซอยแคบ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงในวงจำกัด
เบื้องต้นพบบ้านเรือนในชุมชนเสียหายประมาณ 10 หลัง และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย จากการกระโดดหนีออกมาจากอาคารที่ถูกเพลิงไหม้
เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ส่วนมูลค่าความเสียหาย และสาเหตุของเพลิงไหม้ อยู่ระหว่างตรวจสอบ โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อดีตข้าราชการสภา-ลูกจ้าง ทำผิดวินัยร้ายแรง
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งอดีตข้าราชการรัฐสภาสามัญ และอดีตลูกจ้างประจำ สังกัดสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รวม 2 ราย ได้แก่
1. นางดรรชนี สิทธิพุธิ ทองแท้ หรือ นางดรรชนี ทองแท้ หรือ นางสาวดรรชนี สิทธิพุธิ อดีตข้าราชการรัฐสภาสามัญ ตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ กลุ่มงานการเงิน สำนักการคลังและงบประมาณ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกิน 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร และมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เรียกคืนประกอบด้วย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
2. นายชุติพนธ์ หรือนิพนธ์ ทองแท้ อดีตลูกจ้างประจำตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์ ระดับ ส 2 กลุ่มงานยานพาหนะ สำนักการคลังและงบประมาณ ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเกินกว่า 15 วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่เรียกคืนประกอบด้วย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์ช้างเผือก และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 2 ราย เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว
แจกจ่ายเน้นพื้นที่เสี่ยง พร้อมกำชับเข้มงวดปราบผู้ฉวยโอกาสขึ้นราคา-กักตุนสินค้า
นายกฯ ห่วงใยสุขภาพประชาชน สั่งจัดหาหน้ากากอนามัยแจกจ่ายเน้นพื้นที่เสี่ยง พร้อมกำชับเข้มงวดปราบผู้ฉวยโอกาสขึ้นราคา-กักตุนสินค้า
วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2563) ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ห่วงใยสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยเน้นการป้องกันตนเองเป็นสำคัญ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจัดหาหน้ากากอนามัยและแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เช่น จังหวัดใหญ่ ๆ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก จัดกำลังพลออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัย เริ่มต้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีประชาชนและนักท่องเที่ยวหนาแน่น ตั้งแต่วันนี้ (พฤ.6 ก.พ.63) – วันเสาร์ที่ 8 ก.พ.63 กระจายไป 18 จุด จุดละ 2,500 ชิ้น รวม 45,000 ชิ้น เช่น วันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ ช่วงเช้า 07.00 – 09.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัย รร.สันติราษฎร์ฯ ช่วงบ่าย 15.00-17.00 น. ที่ตลาดประตูน้ำ สถานี BTS อารีย์ ถนนสีลม วันศุกร์ที่ 7 ก.พ. ช่วงเช้า 07.00-09.00 น. ที่ รร.สวนมิสกวัน สถานี BTS พญาไท สะพานควาย ช่วงบ่าย 15.00-17.00 น. ห้างมาบุญครอง ตลาดประตูน้ำ และสวนสันติภาพ และวันเสาร์ที่ 8 ก.พ. ช่วงเช้า 08.00 -10.00 น. ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ตลาดนัดจตุจักร และตลาดราชวัตร และช่วงบ่าย 15.00-17.00 น. ห้างเซ็นทรัลเวิลด์สยามสแควร์ ตลาดศรีย่าน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เข้มงวดกวดขันเรื่องปัญหาการฉวยโอกาสขึ้นราคาและกักตุนหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เนื่องจากได้รับแจ้งจากประชาชนจำนวนมาก และสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย โดยหากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดทั้งในท้องตลาดทั่วไปและตลาดออนไลน์ ให้แจ้งได้ที่กรมการค้าภายใน หรือสายด่วน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดฐาน ผู้ใดทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.มัคคุเทศก์ฯ จึงขอให้ประชาชนควรศึกษารายละเอียด ข้อกฎหมาย หรือการกระทำใดๆอันสุ่มเสี่ยง ผิดกฎหมายให้ดีเสียก่อน เพราะหากได้กระทำผิดไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องดำเนินการบังคับใช้ตามกฎหมายอย่างจริงจังและเข้มงวด ซึ่งผู้กระทำผิดจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ บาคาร่าเว็บตรง